การเลือกหลอดไฟ LED สำหรับการใช้งาน
ปัจจุบัน หลอดไฟและโคมไฟ
LED ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 80% และเติมความสว่างไสวสวยงามให้บ้าน อีกทั้งหลอดยังไม่มีรังสี
UV การแผ่ความร้อนของหลอดน้อย หลอดLED คือเทคโนโลยีของการส่องสว่างใหม่ กินไฟน้อยกว่าหลอดไส้มาก ทนทาน ให้ความ
สว่างสูง เกิดความร้อนต่ำมาก
1)
ระดับความสว่างที่ต้องการ (Lumen) และ อัตราการกินไฟ (Watt)
-ลูเมน (lm) คือหน่วยที่ใช้วัดปริมาณแสงทีเปล่งออกจากหลอด ตัวอย่าง
เปรียบเทียบหลอดไฟแบบต่างๆ
ขั้วหลอดไฟ LED : มีขั้วแบบมาตรฐานให้เลือกใช้กับโคมไฟแบบต่างๆ ดังนี้
ขั้วหลอดไฟ
3) โทนแสง Day Light , Warm White , Coolwhite
- สี Warm White จะให้แสงนวลตาและอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อน - สี Cool White และ แสง Day Light นั้นเหมาะใช้ในบริเวณที่ต้องการแสงสว่างมากๆ เช่น โต๊ะทำงานหรือห้องครัว ฯลฯ
ตัวอย่าง โทนแสงสีต่างๆ
4)
หลอดขาวขุ่นหรือหลอดใส
หลอดใส : เหมาะสำหรับโคมไฟที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ
หลอดใส : เหมาะสำหรับโคมไฟที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ
หลอดขาวขุ่น : ให้แสงที่สม่ำเสมอ
หลอดใส และ หลอดขาวขุ่น
5)
ต้องใช้สวิตช์หรี่ไฟหรือไม่
หลอดไฟ Led ที่หรี่ไฟได้ (Dimmable) และหรี่ไม่ได้(non Dimmable) เพียงสังเกตุที่สัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์
หลอดไฟ Led ที่หรี่ไฟได้ (Dimmable) และหรี่ไม่ได้(non Dimmable) เพียงสังเกตุที่สัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์
หลอดจำปา ให้แสงคล้ายแสงเทียนเหมาะสำหรับโคมไฟประดับบ้าน
หลอดทรงกลม
เหมาะสำหรับโคมไฟและโป๊ะโคมที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ หลอดทรงยาว
ให้แสงคล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดนีออน เหมาะสำหรับให้แสงสว่างทั่วไป
ข้อสังเกตุ : ถ้าสังเกตุข้างกล่อง จะมีค่าความประหยัดไฟของหลอดไฟบอกตั้งแต่ระดับ A++ (ประหยัดสูงสุด) ไปจนถึง E
รูปทรงหลอดไฟ ประเภทต่างๆ
ค่าความประหยัดไฟ
7) มุมกระจายของแสง
ปกติแล้วธรรมชาติของหลอด LEDนั้นเป็นแสงแบบพุ่งตรง
แบบที่นำมาทำไฟฉาย คือพุ่งแต่ไม่กระจาย
ดังนั้นเวลาไปใช้ทำไฟทางจริงๆจะสว่างแค่เป็นเฉพาจุด เรื่องกระจายแสงนี้
บางทีอาจจะสำคัญกว่าความสว่างที่จุดใดจุดหนึ่งของหลอด LED เสียอีก
ทั้งนี้การกระจายแสงขึ้นอยู่กับ รีเฟลกเตอร์ ของโคมไฟแต่ละรุ่น ซึ่งมีองศาต่างกัน
มุมกระจายแสง
อ่านบทความอื่นๆต่อดังนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น