วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

การเลือกหลอดไฟ LED สำหรับการใช้งาน

   ปัจจุบัน หลอดไฟและโคมไฟ LED ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดไฟได้สูงสุดถึง 80% และเติมความสว่างไสวสวยงามให้บ้าน อีกทั้งหลอดยังไม่มีรังสี UV การแผ่ความร้อนของหลอดน้อย หลอดLED คือเทคโนโลยีของการส่องสว่างใหม่ กินไฟน้อยกว่าหลอดไส้มาก ทนทาน ให้ความ สว่างสูง เกิดความร้อนต่ำมาก
 
1) ระดับความสว่างที่ต้องการ (Lumen) และ อัตราการกินไฟ (Watt)

-ลูเมน (lm) คือหน่วยที่ใช้วัดปริมาณแสงทีเปล่งออกจากหลอด ตัวอย่าง


เปรียบเทียบหลอดไฟแบบต่างๆ

2) ลักษณะขั้วหลอดไฟ 
ขั้วหลอดไฟ LED : มีขั้วแบบมาตรฐานให้เลือกใช้กับโคมไฟแบบต่างๆ ดังนี้



ขั้วหลอดไฟ 

3) โทนแสง Day Light , Warm White , Coolwhite 
- สี Warm White จะให้แสงนวลตาและอบอุ่นเหมาะแก่การพักผ่อน 
- สี Cool White และ แสง Day Light นั้นเหมาะใช้ในบริเวณที่ต้องการแสงสว่างมากๆ เช่น โต๊ะทำงานหรือห้องครัว ฯลฯ 


ตัวอย่าง โทนแสงสีต่างๆ 



4) หลอดขาวขุ่นหรือหลอดใส
หลอดใส : เหมาะสำหรับโคมไฟที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ 
หลอดขาวขุ่น : ให้แสงที่สม่ำเสมอ 

หลอดใส และ หลอดขาวขุ่น 



5) ต้องใช้สวิตช์หรี่ไฟหรือไม่ 
หลอดไฟ Led ที่หรี่ไฟได้ (Dimmable) และหรี่ไม่ได้(non Dimmable) เพียงสังเกตุที่สัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์


6) เลือกรูปทรงหลอดไฟ 
รูปทรงหลอดไฟ : มีหลายรูปแบบ เช่น 
หลอดจำปา ให้แสงคล้ายแสงเทียนเหมาะสำหรับโคมไฟประดับบ้าน 
หลอดทรงกลม เหมาะสำหรับโคมไฟและโป๊ะโคมที่ออกแบบมาให้สร้างลวดลายบนผนังยามเปิดไฟ หลอดทรงยาว ให้แสงคล้ายหลอดฟลูออเรสเซนต์หรือหลอดนีออน เหมาะสำหรับให้แสงสว่างทั่วไป 
ข้อสังเกตุ : ถ้าสังเกตุข้างกล่อง จะมีค่าความประหยัดไฟของหลอดไฟบอกตั้งแต่ระดับ A++ (ประหยัดสูงสุด) ไปจนถึง
รูปทรงหลอดไฟ ประเภทต่างๆ 


ค่าความประหยัดไฟ


7) มุมกระจายของแสง 
ปกติแล้วธรรมชาติของหลอด LEDนั้นเป็นแสงแบบพุ่งตรง แบบที่นำมาทำไฟฉาย คือพุ่งแต่ไม่กระจาย ดังนั้นเวลาไปใช้ทำไฟทางจริงๆจะสว่างแค่เป็นเฉพาจุด เรื่องกระจายแสงนี้
บางทีอาจจะสำคัญกว่าความสว่างที่จุดใดจุดหนึ่งของหลอด LED เสียอีก ทั้งนี้การกระจายแสงขึ้นอยู่กับ รีเฟลกเตอร์ ของโคมไฟแต่ละรุ่น ซึ่งมีองศาต่างกัน

มุมกระจายแสง

อ่านบทความอื่นๆต่อดังนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น